SEO มาจากคำว่า Search Engine Optimization ซึ่งหมายถึงการปรับแต่งเว็บไซต์ และองค์ประกอบต่างๆ ของเว็บไซต์ตั้งแต่การออกแบบ การเขียนระบบโปรแกรม และการโปรโมทเว็บไซต์โดยเฉพาะในช่องทางดิจิทัลและโซเชียล เพื่อให้ติดอันดับต้นๆของ เสิร์ชเอ็นจิ้น (เครื่องมือค้นหาเว็บไซต์ เช่น Google, Bing, Yahoo)
ก่อนอื่นต้องมาทำความรู้จักกับ เสิร์ชเอ็นจิ้น เสียก่อน ในเมืองไทยที่เป็นรู้จัก และมีคนใช้ค้นหาข้อมูลมากที่สุด คงหนีไม่พ้น Google แล้วการติดอันดับในกูเกิลมันมีความสำคัญ หรือมีประโยชน์อะไร เห็นคนชอบพูดกัน
ทำ SEO สิ คนจะได้เข้าเว็บเยอะๆ
นั่นล่ะประโยชน์ของ SEO ถ้าเรามีเว็บไซต์ที่เพียบพร้อมด้วยฟังก์ชันอลังการงานสร้าง ดีไซน์เลิศหรูกว่าใครๆ แต่ไม่มีคนเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเลย หากกำลังมองหาการโปรโมทเว็บไซต์ที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายที่แพงเกินไป และคุ้มค่าในระยะยาว ก็คงถึงเวลาที่จะต้องมาทำความรู้จักกับ เจ้า SEO แล้วล่ะ
เสิร์ชเอ็นจิ้น (Search Engine) คือ เครื่องมือสำหรับค้นหาข้อมูลที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต ที่ทุกคนสามารถเข้าไปค้นหาข้อมูลได้ โดย กรอกข้อมูลที่ต้องการค้นหา หรือ Keyword (คำค้นหา) เข้าไปที่ช่อง Search Box แล้วกด Enter ข้อมูลที่เราค้นหาก็จะถูกแสดงออกมาอย่างมากมายก่ายกองด้วยคำค้นต่างๆ ซึ่งข้อมูลนั้น อาจอยู่ในรูปแบบของเว็บไซต์ ไฟล์เอกสาร ไฟล์รูปภาพ สื่อมัลติมีเดีย ไฟล์บีบอัด และรูปแบบอื่นๆ ที่สามารถบันทึกเป็นเอกสารออนไลน์ได้
ทำงานของระบบ Indexing นั้นโดยปกติแล้ว Search Engine จะมีเครื่องมือที่ชื่อว่า Spider (สไปเดอร์) หรือ Robot (หุ่นยนต์) หรือ Crawler (ครอเลอร์) ในการสืบค้นเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อนำมาจัดเก็บในระบบฐานข้อมูลด้วยการทำ Index โดย สไปเดอร์ จะเดินทางจากเว็บหนึ่ง ไปอีกเว็บหนึ่งผ่านลิ้งก์ (Hyperlink) ต่างๆ ที่มีอยู่ในเว็บไซต์นั้นๆ
เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดขึ้น เว็บไซต์ต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต คือ ใยแมงมุมขนาดใหญ่ เจ้าสไปเดอร์ (แปลตามตัวก็คือ แมงมุม) ก็จะไต่ไปตามใยแมงมุม ใยแต่ละเส้นที่เชื่อมโยงกัน ก็คือ Link ต่างๆ ที่อยู่บนเว็บไซต์ ยิ่งสไปเดอร์ไต่มาที่เว็บเราบ่อยเท่าไหร่ ก็จะส่งผลต่ออันดับในการค้นหาของเว็บ ซึ่งวิธีการเรียก สไปเดอร์ ให้มาที่เว็บบ่อยๆ นั้นก็จะเป็นหนึ่งในกระบวนการการทำ SEO
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น เราทำ SEO เพื่อให้ติดอันดับต้นๆ ของเสิร์ชเอ็นจิ้น ให้คนที่ค้นหาข้อมูลเจอเว็บของเรา แล้วเข้ามาที่เว็บมากขึ้น โดยระยะเวลาในการทำ SEO นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น รูปแบบของเว็บไซต์ เนื้อหาของเว็บไซต์ จำนวนเว็บไซต์ของคู่แข่ง และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ Keyword (คำค้นหา) ที่เราต้องการให้ทำอันดับใน Search Engine
ขอยกตัวอย่างง่ายๆ สมมติ นาย ก. มีเว็บไซต์ขายเสื้อผ้าสไตล์เกาหลี ซึ่งปกติยอดขายไม่ค่อยดี จนวันหนึ่งนาย ก. ได้มารู้จักกับแนวทางการทำ SEO โดยนาย ก. ต้องการให้คนค้นหาคำว่า ”เสื้อผ้าสไตล์เกาหลี” แล้วเจอเว็บอยู่อันดับต้นๆ ใน Search Engine นาย ก. ลงมือทำ SEO กับเว็บของเขา ทำให้เว็บของเขาปรากฎต่อสายตาชาวโลกบนหน้าผลการค้นหา ทำให้คนเข้ามาที่เว็บเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ยอดขายเคสไอโฟนของเขาพุ่งสูงขึ้น โดยที่เขาไม่ต้องจ่ายเงินค่าลงโฆษณาให้กับ Google หรือ Yahoo แต่อย่างใด
คงพอจะมองเห็นแล้วว่า ทำไมหลายคนถึงให้ความสนใจในการทำ SEO ขนาดนี้ ส่วนขั้นตอนการทำ SEO นั้นมีรายละเอียดที่ค่อนข้างมาก และบรรดาเสิร์ชเอ็นจิ้นก็มักจะเปลี่ยนวิธีการเก็บข้อมูลบ่อยๆ ซึ่งผมจะมาแนะนำในครั้งต่อๆ ไป เพื่อให้ได้มาซึ่งอันดับที่ดีในหน้าผลการค้นหา