เมื่อเช้าวันที่ 24 เมษายน เราก็ได้รับ Digital Report 2020 จาก We Are Social และ Hootsuite ที่จะทำให้เราเห็นถึงภาพรวมของโลกออนไลน์ในช่วง Q1 หรือ 3 เดือนแรกที่ผ่านมา โดยสิ่งที่น่าสนใจของ Report ครั้งนี้คงหนีไม่พ้นเรื่อง COVID19 ที่เราเองก็อยากรู้แหละ ว่าคน Shift มาออนไลน์กันมากแล้วมันมากขนาดไหน อะไรบนออนไลน์ที่โตขึ้นบ้าง?
Key Highlight ของ Digital Report 2020
- ประเทศที่มีการ Lockdown แบบจริงจัง ไม่มีการเข้า-ออก มี Digital Activity สูงเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
- Social Media ถูกใช้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ โดยเฉพาะกลุ่ม Video Call ค่ะ
- E-commerce โตขึ้นเร็วมาก หลักๆ คือในส่วนของ Grocery Shopping หรือการซื้อของเข้าบ้านต่างๆ
- การเล่น Video games และชม E-sports ก็โตขึ้นสูงเช่นเดียวกัน
คนใช้ Internet และ Social Media เพิ่มสูงขึ้นอีก 7-8% ทั่วโลก
หากเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีนี้และปีที่แล้ว (2019) จะเห็นว่ามีคนเข้าสู่ออนไลน์เพิ่มขึ้นค่ะ
- โดยมีคนเล่นอินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้น 7.1% หรือคิดเป็นตัวเลขที่ประมาณราวๆ 319.9 ล้านคน รวมเป็นยอด 4.57 พันล้านคน และ
- คนเล่น Social Media เพิ่มขึ้น 8.7% ไล่เลี่ยกันหรือที่ประมาณ 304ล้านคนรวมเป็นตัวเลข 3.81 พันล้านคนค่ะ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรทั้งหมดทั่วโลก 7.77 พันล้าน คนที่เล่น Social Media นั้นก็จะเกือบๆ 50% แล้วค่ะ ซึ่งก็เป็นไปได้มากที่สิ้นปี 2020 นี้ ตัวเลขจะแตะหรือเลย 50% แน่ๆ
- การใช้มือถือก็เพิ่มขึ้น 2.5% หรือคิดเป็น +128 ล้านคนในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา โดยคิดเป็น Unique Active User ของมือถือทั่วโลกอยู่ที่5.16 พันล้านคน หรือ 2 ใน 3 ส่วนของโลกมีมือถือกันหมดแล้วค่ะ อีก 1 ส่วนอาจจะเป็นกลุ่มประชากรเกิดใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาอีก 1.1% หรือไม่ก็ผู้สูงอายุที่อาจจะไม่สามารถ adopt อะไรพวกนี้ได้แล้ว
COVID19 ทำคนติดเครื่องมือสื่อสารเพิ่มขึ้น
จาก Report ชี้ให้เห็นว่า 76% ของคนทั่วโลกในช่วงอายุ 16-64 ปีนั้น ใช้เวลากับมือถือมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า Lockdown ถ้าให้พูดให้เห็นภาพก็คือ ถ้ามีคน 5 คน 4 คนยอมรับไปแล้วค่ะ ว่าตัวเองใช้มือถือมากขึ้นจริงๆ ในช่วงหลายๆ อาทตย์ที่ผ่านมาตอนอยู่บ้านกักตัว
นอกเหนือจากมือถือ คนยังบอกอีกว่าเครื่องมือสื่อสารอีกอันที่ติดเพิ่มก็คือ Smart TV ค่ะ ซึ่งถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นก็คือ 34% โดยพวกเขาใช้เวลากับการหาอะไรดู streaming ออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มอย่าง Apple TV / Amazon’s Fire Stick นอกเหนือจากนั้น ยอดการ Subscribe ของ Netflix ยังเพิ่มสูงแบบ All-time-high หรือไม่เคยเป็นมาก่อนช่วง Lockdown ของอเมริกาด้วย แถมบริษัท Netflix จะยอมรับว่า มีคนเข้ามาจ่ายเพื่อรับชมรายการต่างๆ ของ Netflix ในช่วง 3 เดือนแรกของ 2020 ประมาณ 16 ล้านบัญชี หรือถ้าเปรียบแบบ Quarter ต่อ Quarter ก็คือเพิ่มขึ้นมา 9% ค่ะ
นอกจาก Netflix และ Apple TV แล้ว ก็ยังมีช่องอย่าง Disney Plus ที่คนให้ความสนใจมากขึ้นในช่วง 3 เดือนแรกของ 2020 ซึ่งแพลตฟอร์มของ Disney Plus ก็เพิ่งเปิดตัวที่ยุโรปและอิเดียไปได้เพียง 5 เดือน แต่กลับทำยอด Subscribers ไปแล้วกว่า 50 ล้านบัญชี โดยยอดนี้มาพุ่งขึ้นแบบ X2 ช่วงไวรัสระบาดหรือ Lockdown ที่ผ่านมาค่ะ
COVID19 สร้างนิสัยออนไลน์ใหม่ๆ
นอกจาก COVID19 จะมีผลต่อการใช้เครื่องมือสื่อสารที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังทำให้พฤติกรรมของการใช้ Digital เปลี่ยนแปลงเพิ่มด้วยค่ะ ซึ่งหลายๆ คนบอกว่า อยากให้พฤติกรรมที่สร้างขึ้นมาใหม่ในช่วงการแพร่ระบาดอยู่ต่อไป หรือพูดง่ายๆ ก็คืออยากทำสิ่งเหล่านี้ต่อไปแม้โรคโควิดจะจบไปแล้วก็ตาม เช่น
- ชาวอินเตอร์เน็ต 1 ใน 5 คนบอกว่า อยากจะเสพเนื้อหาผ่านระบบ Streaming ต่อแม้โรคหมดไป
- ชาวอินเตอร์เน็ต 1 ใน 7 คน บอกว่า อยากจะใช้เวลากับ Social Media เยอะๆ แบบนี้ต่อไปหลังโควิดค่ะ
อยากไรก็ตาม คำถามและตัวเลขเหล่านี้ เป็นคำตอบในช่วง Lockdown ซึ่งหากสถานการณ์กลับมาเป็นปกติเมื่อไร คนก็จะต้องกลับมาทำงาน ได้เจอเพื่อนฝูงเหมือนเดิม คำตอบเหล่านี้อาจจะเปลี่ยนหรือกลับไปเหมือนช่วงก่อน Lockdown ก็เป็นได้ค่ะ
การใช้ Social Media พุ่งแรง
Trend ที่ต้องบอกว่า เห็นได้ชัดมากๆ เพราะมาแรงสุดๆ ก็หนีไม่พ้นการใช้ Social Media ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อคุยกับครอบครัว เพื่อน เพื่อนที่ทำงาน รวมไปถึงพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจเองก็ตาม เพราะในขณะที่เราทุกคนต้องพยายามกักตัว Social Distancing กันแบบตัวต่อตัว ก็คงเหลือแค่ Social Media เนี่ยแหละที่ยังเชื่อมเราเข้าไว้ด้วยกันได้ค่ะ
โดยจากการ Survey พบว่า 47% ของผู้ใช้ Internet ทั่วโลกนั่นมีการใช้สื่อโซเชียลนานขึ้น ในขณะที่อีก 23% ของผู้ใช้ Internet บอกว่าพวกเค้าใช้สื่อโซเชียลไม่ได้แค่นานขึ้นเฉยๆ แต่นานขึ้นมากๆ เลยต่างหากถ้าเปรียบเทียบกับช่วงก่อน Lockdown ไม่ว่าจะใช้ในการเสพข่าว ดูหนัง streaming คุยแชท หรือดูรายการ broadcast ต่างๆ ทาง TV ค่ะ
โดยช่วงอายุที่มีการใช้ Social Media เพิ่มขึ้นนั่นหลักๆ จะอยู่ในวัย 16-24 ปีเป็นต้นไป และไล่ลงเรื่อยๆ ตามช่วงวัยค่ะ แต่กลุ่ม 45-64 ปียอมรับว่า พวกเค้าหันมาใช้ Social media เพิ่มขึ้นเพราะ COVID19 เลย
มาดูเรื่องเพศกันบ้าง จะเห็นได้ว่า กลุ่มผู้หญิงนั่นมีการใช้ Social Media สูงกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงในช่วงอายุ 16-24 ปีค่ะ
ซึ่งถ้าเรามาดูการเสพ Social media ในมุมของแต่ละประเทศ เราก็จะเห็นว่า Philippines นั่นมีตัวเลขการเสพโซเชียลที่เพิ่มสูงขึ้นมากที่สุด ซึ่งมากกว่าค่า Average ของโลกที่อยู่ที่ 47% ด้วยซ้ำ เพราะเรทการใช้งานโซเชียลของ Philippines นั่นอยู่ที่ 64% รองลงมาคือ Brazil / India / South Africa และ China หรือ 58% / 55% / 49% และ 47% ตามลำดับ
ซึ่ง Social Media App ต่างๆ ก็กวาดครึ่งนึงของการใช้งานสื่อโซเชียลไปจนหมดสิ้นแล้วค่ะ ในวันที่ 18 มีนาคม 2020 ที่ผ่านมา Facebook ก็เผยว่า มีการใช้ Chat Calls เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ไม่ว่าจะผ่าน WhatsApp หรือ Messenger ตั้งแต่โซนฝั่งยุโรปเริ่มปิดพื้นที่ โดยประเทศ Italy ที่เป็นประเทศแรกๆ ของยุโรปที่ไวรัสแพร่กระจายอย่างรวดเร็วนั้น มีการใช้ Group calls แบบการโทรคุย 3 คนขึ้นไปบน Messenger เพิ่มสูงขึ้นถึง 1,000% ภายในเดือนเดียว หรือเดือนมีนาคมค่ะ แถมยังมีการใช้งาน App อื่นๆ ในเครือ Facebook สูงขึ้นอีก 70% ช่วง Lockdown ด้วยค่ะ
App Annie ก็ได้ให้ Report ว่าระยะเวลาการใช้งานของ App คลิปสั้นชื่อดังอย่าง Snapchat และ TikTok ก็เพิ่มขึ้นในไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา ส่วน App พูดคุยบอร์ด forum อย่าง Reddit เองก็มี Traffic ที่เพิ่งขึ้นมา 20-50% เช่นเดียวกัน โดย Traffics ที่เห็นได้มากสุดคือกลุ่ม Topic อย่าง Business / Finance / News / Education / Travel และ Sport ค่ะ
Social media platform
อันดับ 1 ยังคงหนีไม่พ้น Facebook รองลงมายังเป็น YouTube และ WhatsApp แต่ Social Media platform ที่มีการโตแบบก้าวกระโดดในช่วง3 เดือนของปี 2020 คือ Twitter ที่มีคนเข้ามาเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม2020 อยู่ที่ 14% หรือคิดเป็น 47 ล้านคนที่เพิ่มเข้ามาค่ะ โดยประเทศที่อยู่บน Twitter มากที่สุดคือ Russia ที่ย้ายรากฐากมาปักหลักใน Twitter แล้วกว่า 30% ของ Active Users ทั้งหมดที่ทวิตเตอร์มี
Instagram ก็ไม่ยอมแพ้ค่ะ เพราะก็มีจำนวนผู้สมัครเข้าเล่นเป็น Active Users เพิ่มขึ้น 4.5% ตั้งแต่ต้นปี 2020
แต่แอป TikTok สุดฮิต ณ ปัจจุบัน ยังไม่ยอมเปิดเผยเรื่องตัวเลขของ Active Users เลย อย่างไรก็ตาม App Annie ก็ได้แชร์ว่า TikTok ยังคงตามหลังแอพโซเชียลรุ่นพี่อย่าง Instagram อยู่ดี ถ้าวัดกันที่จำนวน monthly active users ผ่านแอปบนมือถือค่ะ
Video-calling จะกลายเป็น New Normal สำหรับ Social Media หรือเปล่า
อย่างที่เล่าไปข้างต้นว่า Video Call เป็นอะไรที่บูมสูงสุดจริงๆ เพราะคนไม่สามารถเจอกันได้แล้ว ทำให้ต้องหาทางเชื่อมต่อกันบนออนไลน์แทน ทั้งนี้แอปเจ้าดังอย่าง Zoom ก็คว้าอันดับหนึ่งไปครอง แม้จะมีข่าวเรื่องของข้อมูลที่รั่วไหลและเรื่อง privacy ต่างๆ เข้ามามากมายก็ตาม โดยบริษัท Zoom ก็ได้ออกมาบอกว่า พวกเค้ามี Active Users เพิ่มขึ้น 20 เท่าตัวจากช่วงก่อนมีโรคระบาด ทำให้ตอนนี้มีคนใช้งาน Zoom แล้วอยู่ที่ 200 ล้านคนต่อวันค่ะ
โดยการโหลดแอป Zoom นั้นก็มีเพิ่มเยอะจริงๆ จนทำให้แอปติด Ranking Top 10 สำหรับแอปที่มีมียอดการ Download สูงสุดใน Quarter แรกของ 2020 ไปเลยค่ะ แต่ถ้าพูดตรงๆ ก็คือแอป Zoom อยู่ที่อันดับที่ 6 รองจากแอป Social Media อื่นๆ ค่ะ
อย่างไรก็ตาม Zoom ไม่ใช่แอป Video Call เดียวที่คนใช้กัน เพราะยังมี Google’s Meet App หรือ Hangouts ที่ได้รับความนิยมมากมายเช่นเดียวกันในช่วงไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา โดยในอเมริกา Google’s Meet App นั้น ถูกดาวน์โหลดไปกว่า 30 เท่า ระหว่างวันที่ 15-21 มีนาคมที่ผ่านมาเมื่อเทียวกับช่วงก่อนโรคระบาด และไม่ใช่แค่ใน US เท่านั้น แต่ยังมีฝั่งยุโรปด้วย อย่าง Italy ก็มีตัวเลข download พุ่งขึ้น 140 เท่า Spain 64 เท่า และ UK 24 เท่าตัวค่ะ
นอกเหนือจากนี้ก็ยังมี App Video Call อย่าง Houseparty ก็บูมมากใน Spain เช่นกันค่ะ จึงทำให้หลายๆ คนตั้งคำถามว่า Video Call จะกลายเป็น New Normal หรือเปล่า หรือว่าถ้าทุกอย่างกลับมาปกติแล้ว คนก็จะอยากเจอกันมากขึ้น เหมือนแต่ก่อนนะแน่
นักการตลาดเข้าถึงคนได้แล้วกว่า 2 พันล้านคนทั่วโลกผ่าน Facebook
ล่าสุดตัวเลข Active Users บน Facebook พุ่งไปแล้วกว่า 2 พันล้านคนค่ะ ซึ่งถ้าจะมองให้เป็นภาพว่าเยอะขนาดไหน ก็ต้องบอกว่าเยอะเท่ากันประชากรทั้งโลกแบบ 1 ใน 3 ส่วนเลยค่ะ ประนึงว่า Facebook เป็นอีกหนึ่งทวีปไปแล้วก็ได้ด้วยซ้ำนะคะ เพราะมันเยอะมากๆ จริงๆ
โดย Report ก็ชี้ให้เห็นว่า เมื่อคนมาอยู่บน Social Platform มากขึ้น ก็เลยทำให้การเข้าถึงของ Facebook Ads นั้นเพิ่มขึ้นด้วยค่ะ โดยตัวเลขเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 76 ล้านคน เมื่อเทียบกับยอดการเข้าถึงของ Ads บน Facebook ของเดือนมีนาคน 2020 กับธันวาคม 2019 โดยตัวเลขนี้ หลักๆ มาจาก 2 ประเทศด้วยกันคือ อินเดีย ทีมีคนเข้ามาใช้ Facebook เพิ่มขึ้น 20 ล้านคน และประเทศ US ที่เพิ่มขึ้น 10 ล้านคน ส่วนที่เหลืออีก 46 ล้านคนมาจากหลายๆ ประเทศรวมๆ กันค่ะ นอกจากจำนวน Users ที่เพิ่มขึ้นแล้ว เรายังเห็นอัตราการคลิก Ads ที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
อย่างไรก็ตามตัวเลขก็ยังชี้ให้เห็นว่า ถึงแม้ Facebook จะมีประชากรถึงกว่า 2 พันล้านคน แต่โฆษณาบนแพลตฟอร์มนั่นกลับเข้าถึงคนได้เพียง 80% จาก 2 พันล้านเท่านั้นในช่วง 30 วันที่ผ่านมา ซึ่งก็หมายความว่า Facebook เหมือนทำเงินหายไปราวๆ 500 ล้านดอลล่าร์ค่ะ
และเมื่อเจาะเข้าไปถึงสาเหตุ ว่าทำไม Facebook Ads ถึงไม่สามารถเข้าถึงอีก 20% ของ Users ที่เหลือได้ ก็พบหนึ่งในสาเหตุว่า เพราะอเมริกาได้รับบทลงโทษจากประเทศอย่าง Iran / Cuba และ Sudan ที่รัฐไม่ยอมให้มีการขายหรือทำโฆษณาสินค้าจาก US ในประเทศแต่อย่างใดค่ะ
คนไม่ได้หวังให้แบรนด์เลิกทำ Ads
Digital Report 2020 ยังเผย Research จาก GlobalWebIndex ที่พบว่า 51% ของผู้ใช้งาน Internet อยากให้ Ads ดำเนินการต่อเหมือนก่อนหน้า COVID19 ระบาด ในขณะที่อีก 18% บอกว่าการโฆษณาช่วงนี้ไม่สมควร และอีก 31% ขอไม่ออกความเห็นค่ะ
ซึ่งข้อมูลตรงนี้เหมือน Cross check กับ Research ของ Kantar ก็พบว่าตรงกัน เมื่อตัวเลขจาก Kantar ชี้ว่า 64% ของผู้ตอบ Survey อนุญาตให้แบรนด์ยิง Ads ต่อได้แบบปกติในช่วง COVID19 ในขณะที่มีเพียง 8% ที่รู้สึกว่าไม่เห็นด้วยค่ะ
ซึ่งหากดูจากกราฟก็จะเห็นว่า กลุ่มผู้บริโภคผู้ชายนั้น มีความพอใจกับการโฆษณาช่วงช่วงโควิดมากกว่ากลุ่มผู้หญิงด้วย และที่น่าสนใจคือ 2 ประเทศที่มีการแพร่เชื้อหนักที่สุดอย่าง Italy และ Spain นั้นกลับเป็นประเทศที่เห็นด้วยและรู้สึกโอเค 63% และ 55% ตามลำดับ ที่แบรนด์จะทำการโฆษณาต่อ มากกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่อยู่ที่ 51%
อย่างไรก็ตาม การพูดหรือโฆษณาในช่วง Pandemic นี้ก็ต้องคิดเยอะเพิ่งขึ้นค่ะ เพราะไม่ใช่ว่าแบรนด์จะพูดอะไรก็ได้ตามใจเหมือนช่วงก่อนโควิด19 แต่ควรหันมาแสดงความเข้าอกเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น เริ่มคิดว่าสินค้าและบริการของแบรนด์จะสามารถช่วย Crisis ครั้งนี้ได้อย่างไรบ้าง ประเด็นหลักในช่วงนี้คือ การช่วย มากกว่าการขายของค่ะ
ในอีกมุมนึง เราพบกว่า Content ที่ช่วยให้คนทำงานเสร็จลุล่วงไปได้ในทุกๆ วันนั้นมีค่ามากในช่วงนี้ โดยเฉพาะ Content กลุ่ม Video อย่าง Tutorials และ How-to ต่างๆ ค่ะ อย่างไรก็ตามการลง Content จำพวก Humor เพื่อสร้างเสียงหัวเราะนั้น ก็ต้องทำอย่างระมัดระวังเช่นกัน เพราะเรื่อง COVID19 นั้นมันละเอียดอ่อนจริงๆ ค่ะ
Games เป็น Top Choice ของการกักตัว
เกมเป็นสิ่งอันดับท็อปๆ ที่คนมองหามากที่สุดช่วงกักตัวเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งตัวเลขก็ชี้ให้เห็นว่า แม้จะไม่ใช่ช่วง COVID19 ก็ตาม ชาว Internet Users ก็มีการเล่นเกมอยู่แล้วกว่า 4 ใน 5 คน
แต่พอมี COVID19 เข้ามา ก็ทำให้เราเห็นว่า ยอด Downloads ของเกมมือถือในเดือนมีนาคม 2020 นั้นเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยการ Download ของเกมต่ออาทิตย์ในปี 2019 เรียกได้ว่ามีคนโหลดเกมใหม่ๆ ประมาณ 1 พันล้านเกมใน 1 อาทิตย์ค่ะ
ในช่วง 3 เดือนแรก มีเกมทั้งหมด 13 พันล้านเกมส์ถูก Download ไป ยังไม่พอ ยังมีการซื้อเกม ซื้อนู้นนี่เกิดขึ้นที่เกี่ยวกับเกมถึง 17 พันล้านดอลล่าร์ ซึ่งถ้าเทียบ Q1 2020 กับ Q4 ของ 2019 นั้น จะเห็น Shift ที่เพิ่มขึ้นมา 5% ค่ะ โดยช่วงอายุที่เห็นว่าเล่นเกมมากที่สุดก็คือช่วง 16-24 ปีค่ะ
นอกเหนือจากนี้บริษัทเครือข่ายมือถือยักษ์ใหญ่อย่าง AT&T ยังพบยอด Traffic ที่เพิ่มสูงขึ้น 50% ในช่วงเดือนเมษายน 2020 เมื่อเทียบกับก่อนLockdown ค่ะ ยังไม่รวมถึงกลุ่มที่ชม E-sports ที่มีเพิ่มขึ้นถึง 20% ในประเทศอย่าง India ด้วยค่ะ
มือถือเป็นอุปกรณ์หลักเข้า Internet
Report แชร์ข้อมูลว่า คนเข้า Internet ผ่านมือถือสูงถึง 4.2 พันล้านคน โดยในช่วง COVID19 นั้น คนใช้มือถือเพิ่มขึ้น 76% ซึ่งเรียกว่าเป็น Device อันดับ 1 ในตอนนี้ค่ะ และอีกอย่างที่น่าสนใจก็คือ คนหันกลับมาหา Laptops Computer เพิ่มขึ้น หลังจากที่ต้องกักตัวเป็นเวลานาน ก็คงเพราะการจ้องมองหน้าจอกว้างๆ ที่ใหญ่กว่ามือถือมันก็สบายตาเป็นไหนๆ จริงไหมคะ
เน็ตช้ามาก ช่วง COVID19 เพราะคนใช้เยอะ
ถ้าคุณรู้สึกว่าเน็ตช้า มันจริงค่ะ และคุณก็ไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึก เพราะ Report ออกมาบอกแล้วว่าหลายๆ ประเทศความเร็วของ Internet ลดลงจริง โดยเฉพาะช่วงเดือนกุมภา-มีนาคม 2020 ซึ่งอาจมาจากความต้องการที่พุ่งขึ้นแบบกระทันกันนั่นเองค่ะ
ตัวอย่างเช่น ความต้องการ Internet ที่เพิ่มขึ้นเมื่อใช้ App Video Call ผ่าน Zoom หรือ App streaming ต่างๆ อย่าง Netflix ที่ต้องใช้ bandwidth ในการรับ-ส่งข้อมูลสูงขึ้นค่ะ ทำให้ Netflix เป็นเจ้าแรกที่ออกมาประการถึงการลดเรท Streaming ชั่วคราวเพื่อจะได้รองรับ Demand ได้ครอบคลุม
อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งสาเหตุของเน็ตช้า ยังไม่ใช่การชมหนังโป๊หรือ Adult Content ค่ะ เพราะเว็บหนังโป๊ที่ดังที่สุดก็ยังไม่ได้มี Signal การเข้าหรือยอด Traffic อะไรที่เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ หรือแม้แต่กระทั่งระยะเวลาการดูหนังโป๊ก็ไม่ได้นานขึ้นไปกว่าช่วงก่อน Lockdown เลย
E-commerce บูมช่วง Lockdown
เกือบๆ 50% ของชาว Internet Users ที่ได้ทำการ Survey ช่วงเดือนเมษายน 2020 นี้ บอกว่าพวกเค้าใช้เวลามากขึ้นกับการ Shopping ออนไลน์ โดยเฉพาะผู้ชายจากกลุ่มช่วงอายุระหว่าง 25-44 ปีจาก 17 ประเทศบอกว่า พวกเค้าเสียเวลาไปกับการซื้อของผ่าน E-commerce สูงขึ้นค่ะ
ส่วนประเทศจีนที่ปกติการซื้อของผ่าน e-commerce ก็เป็นอะไรที่ normal อยู่แล้ว ช่วง COVID19 ที่ผ่านมา เรากลับเห็นประเทศจีนอยู่อันดับ 1 ในเรื่องของการ Shopping ออนไลน์อยู่ดี น่าทึ่งจริงๆ ค่ะ
โดยกลุ่มธุรกิจที่คนซื้อผ่าน E-commerce สูงขึ้นก็คือ กลุ่ม อาหาร รองลงมาก็คือของใช้ภายในบ้าน อันดับ 3 ก็คือกลุ่มของใช้ส่วนตัว และเสื้อผ้าต่างๆ ค่ะ
โดย Ranking เว็บที่คนเข้าบ่อยที่สุด 20 อันดับจาก Alexa ก็พบว่า 6 เว็บใน 20 เว็บนั้นก็คือเว็บ E-commerce ไปแล้วค่ะ แต่ที่น่าสนใจมากกว่านั้นก็คือ จาก 6 e-commerce มี 5 เว็บที่มาจากจีน ไม่ว่าจะเป็น Tmall Alibaba Sohu และ Taobao ค่ะ
คน Search อะไรกันบ้างช่วง Lockdown?
แน่นอนคงหนีไม่พ้นเรื่องของ Coronavirus ซึ่งจริงๆ แล้วต้องบอกว่า การค้นหาเกี่ยวกับ Coronavirus ในช่วง 1-2 เดือนแรกนั้นมีเพิ่มขึ้นมา แต่ยังไม่มาก ทำให้อยู่เพียงอันดับ 3 Top Search เท่านั้ร แต่พอเข้าเดือนมีนาคม 2020 การค้นหาของ Coronavirus กลับเพิ่มขึ้นแบบพุ่งทะยาน เรียกว่าข้าม Top Term อย่าง Google ได้ภายใน 1 เดือนค่ะ
นอกเหนือจาก Top Search Queries แล้ว ในส่วนของ Rising Queries เรียกได้ว่า 16 จาก 20 เรื่อง COVID19 ก็เอาไปครองค่ะ
ทั้งหมดนี้ก็คือ Data จาก Digital Report 2020 ของ We Are Social และ Hootsuite เจ้าประจำ ว่าคนทั่วโลกมีอะไรที่ปรับเปลี่ยนไปบ้าง ในช่วง COVID19 ระหว่างเดือนมกราคม-เดือนเมษายน 2020 ที่ผ่านมา